เทคนิคการเพิ่มเวลาให้กับนาฬิกาชีวิต
ในขณะที่ผมกำลังเขียนบทความนี้ขึ้นมานั้น ผมใช้เวลาอยุ่บนรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิต ตัวผมเองนั้นเป็นหนึ่งคนที่ใช้เวลาเดินทางนานถึง 45 นาที หากคุณเป็นคนที่เดินทางโดยรถไฟฟ้าเหมือนผม คุณคงต้องเคยเกิดคำถามขึ้นมาในใจเหมือนตัวผม ทำไมผู้คนที่ร่วมขบวนไปกับเราไม่ว่าคนจะแน่นมากแค่ไหนก็ตาม เขาก็ยังเลือกที่จะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น ผมเคยแอบๆมองดูว่าเขาเล่นอะไรกัน ส่วนใหญ่ที่สังเกตุเห็นก็คือ เปลี่ยนเพลง, เล่น Facebook, เล่น Instagram, หรือแม้กระทั่งเช็คอีเมลล์ ซึ่งตัวผมเองก็เคยทำ ถึงแม้ว่าบางครั้งที่เราปัดดูจนมันไม่มีอะไรอัพเดทแล้ว ผ่านไปสักพัก เราก็หยิบขึ้นมาปัดใหม่ มันไม่ใช่เพราะว่าเราอยากเล่นหรอก แต่เป็นเพราะเราไม่กล้าที่จะสบตากับคนที่อยุ่ตรงข้ามเรามากกว่า เราจึงเลือกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อที่จะโฟกัสไปที่จอของเรา และสิ่งที่เราทำเป็นประจำเหล่านี้แหละครับคือวัตถุดิบชั้นดี ที่เราสามารถแปลงมันเป็นเวลาได้ ตัวผมเองนั้นเลยลองที่จะเลิกเล่นโซเชียลในช่วงเวลาเดินทาง เลิกเช็คอีเมลล์ และหันมาอ่านหนังสือในด้านที่ผมสนใจแทน
Life is about choices
หากคุณชอบอะไร ก็จงใช้เวลาไปกับมันให้มากที่สุด และหนึ่งในวิธีการใช้เวลาเรียนรู้ไปกับมันอย่างชาญฉลาดก็คือ การได้อ่านประสบการณ์ตรงจากผู้อื่น บางเรื่องคุณอาจต้องใช้เวลาเรียนรู้เป็นแรมเดือน แต่คุณสามารถเรียนรู้มันได้จากการอ่านภายในสองวัน โดยที่ไม่ได้มีผลกระทบต่อเวลาในชีวิตคุณ
หากคุณอยากเป็นผู้จัดการ คุณเรียนรู้และอ่านหนังสือเกี่ยวกับผู้จัดการมาแล้วกี่เล่ม ?
หากคุณอยากเป็นคนขายของออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จ คุณเคยรู้เรียนรู้มันจริงๆจังๆแล้วหรือ?
ผมอยากให้ลองถามตัวเองดูว่า ในหนึ่งเดือนคุณอ่านหนังสือประมาณกี่เล่ม ? สมมุติว่าเราเป็นมือใหม่เริ่มอ่าน หากเป็นหนังสือที่เราชอบ เราอาจต้องใช้เวลาในการอ่านประมาณ 6–8 ชั่วโมงต่อหนังสือหนึ่งเล่ม แต่นั่นก็โอเค ผมใช้เวลาเดินทางไปกลับที่ทำงานวันละ 1.30 ชั่วโมง นั่นหมายถึงผมต้องใช้เวลาไปราวๆแค่ 4–5 วัน ในการอ่านหนังสือหนึ่งเล่ม ในหนึ่งเดือน ผมจะสามารถอ่านหนังสือเฉลี่ยขั้นต่ำได้ที่ราวๆ 5 เล่ม
พอครบหนึ่งปี คุณจะมีความรู้และประสบการณ์ในสิ่งที่คุณชอบมากกว่าปีที่แล้วประมาณ 60 เล่ม ฟังดูเป็นตัวเลขที่เยอะพอสมควร แต่กลับไม่ได้กระทบเวลาในชีวิตประจำวันของคุณเลย และในครั้งหน้าผมจะมาแชร์ประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เพื่อนๆฟังกันนะครับ
